เมื่อวันที่ 8 เดือนตุลาคมปีพศ2563 ทางด้านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา ได้มีการเรียกประชุมปรึกษาหารือทั้งภาครัฐและภาคเอกชนโดยมีการประชุมร่วมกัน นายกรัฐมนตรีขอให้ธนาคารช่วย ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ทางด้านนายกรัฐมนตรีเองก็ได้มีการพูดกับทางภาคเอกชนเกี่ยวกับช่องทางการช่วยเหลือประชาชนซึ่งมีหนี้สินเป็นจำนวนมากอยู่ในขณะนี้
ดูสถานการณ์ในประเทศไทยตอนนี้โดยรวมแล้วนับได้ว่าระบบการเงินของคนไทยนั้นยังคงมีอยู่แต่หากยิ่งปล่อยให้นานวันไปการเงินก็จะร่อยหรอลงซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบการใช้จ่ายในครัวเรือนของประชาชนและที่สำคัญถ้าหากไม่ผลักดันธุรกิจให้มีการดำเนินการต่อไปได้ก็อาจจะส่งผลต่อรายได้ของประชาชนและจะมีผลต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจของประเทศไทย
นายกรัฐมนตรีขอให้ธนาคารช่วย ดังนั้นทางด้านนายกรัฐมนตรีจึงได้มีการขอร้องทางธนาคารให้ช่วยในเรื่องของการเปิดโครงการต่างๆเกี่ยวกับเรื่องของการกู้ยืมเงินเพื่อให้ประชาชนนั้นได้สามารถเข้าไปกู้ยืมเงินนำมาเป็นค่าใช้จ่ายและชำระหนี้อื่นๆบางส่วนได้ อีกทั้งยังมีการน้องขอให้ทางธนาคารนั้นช่วยปรับโครงสร้างหนี้ ให้กับลูกหนี้ที่ยังไม่มีกำลังพอที่จะจ่ายหนี้ให้กับทางธนาคารได้
แม้ว่าในภาพรวมนั้นสถานการณ์ของประเทศไทยกำลังเริ่มกลับมาดีขึ้นธุรกิจบางรายการสามารถกับบำนาญดำเนินการเปิดกิจการได้แล้วแต่ถ้าหากมองลึกลงไปจริงๆแล้วสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยนั้นยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ยังไม่เคยมีการระบาดของไวรัสโคโรน่านั้นเศรษฐกิจของประเทศไทยพัฒนาก้าวหน้าได้มากกว่านี้ ผู้คนไม่มีหนี้สินและสามารถเอามาจับจ่ายใช้สอยหรือไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆทั้งไทยและต่างประเทศได้โดยที่ไม่ต้องมาจำกัดในเรื่องของเงินค่าใช้จ่าย
อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าในขณะนี้ยังมีเจ้าของธุรกิจโดยปิดกิจการลงและทยอยเลิกจ้างพนักงานลงอีกหลายบริษัทเลยทีเดียวดังนั้นทำให้สถานการณ์แบบนี้ทางรัฐบาลจำเป็นต้องหันมาช่วยเหลือประชาชนรวมถึงรัฐบาลก็ต้องมีการร้องขอให้ธนาคารนั้นออกมาช่วยเหลือประชาชนเช่นเดียวกันเพราะเมื่อธนาคารช่วยเหลือประชาชนรัฐบาลก็สามารถช่วยเหลือธนาคารได้นั่นเอง
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีหวังเป็นอย่างยิ่งว่าธนาคารจะสามารถช่วยลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้ประชาชนนั้นสามารถมีรายได้ไปชำระหนี้ได้ ซึ่งหากสามารถทำการลดหนี้ให้กับประชาชนได้เชื่อว่านี่คือการแก้ไขปัญหาที่ตรงตึกอย่างแน่นอนเพราะในปัจจุบันนี้ปัญหาที่มีอยู่ที่หนักหนาสาหัสของประชาชนก็คือมีการผ่อนบ้านผ่อนรถเอาไว้แต่ไม่มีเงินที่จะไปทำการชำระหนี้นั่นเอง
หากประเทศไทยยังไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ในขณะนี้ได้เชื่อว่าในอนาคตสถานการณ์ของประเทศไทยจะยิ่งแย่มากกว่านี้เพราะอีกไม่นานก็จะมีบัณฑิตจบใหม่ออกมาเป็นจำนวนมากซึ่งจะต้องมาแย่งงานกันทำกับคนที่เพิ่งตกงานไปดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลและภาคเอกชนจะต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาคนตกงานหรือว่างงานในช่วงนี้ให้มีรายได้เข้ามาเพื่อเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยนั่นเอง
สนับสนุนโดย. gclubฟรี500